เมืองที่เติบโตบนความผิดบาป

ในสายตาของคนทั่วไป เงินเทาอาจดูเหมือน “แรงขับคลื่นเงียบ” ในระบบเศรษฐกิจที่หมุนเวียนอย่างปรกติ เงินที่หาง่ายกว่า รายได้ที่ตอบโจทย์เร็วกว่า แต่เบื้องหลังความสะดวกนั้น กำลังมีรากเน่าแพร่ลึกเข้าสู่ฐานเศรษฐกิจไทยอย่างช้า ๆ

ทุกวันนี้ แหล่งทุนขนาดใหญ่จำนวนมากไม่ได้มาจากการสร้างสรรค์หรือการลงทุนในระบบโปร่งใส แต่ไหลมาจากรายได้ที่ไม่มีที่มาแน่ชัด เงินเหล่านี้แทรกซึมเข้าสู่วงการ อสังหาริมทรัพย์ ร้านค้า และที่ดินทั่วเมือง จนเกิดภาพลวงตาว่าเศรษฐกิจยังเติบโต ทั้งที่แท้จริงแล้ว เมืองกำลังถูกแช่แข็งด้วยทรัพย์สินที่ “ไร้ชีวิต”

ภาพประกอบบทความ: เมืองที่เติบโตบนความผิดบาป

เมื่อบ้านเมืองกลายเป็นโกดังกักเงิน

ลองสังเกตในย่านที่มีตึกร้าง บ้านปิดไฟ หรือโครงการหรูที่ไม่มีคนอยู่จริง นั่นคือร่องรอยของ “เงินเทา” ที่ใช้ซื้อไว้เพื่อซ่อนทรัพย์ ไม่ได้ซื้อเพื่อใช้ประโยชน์หรือพัฒนาใด ๆ

อาคารเหล่านี้ไม่สร้างงาน ไม่เกิดการใช้จ่าย ไม่หมุนเศรษฐกิจในวงกว้าง ผลลัพธ์คือเมืองที่ดูเหมือนยังมีชีวิตแต่แท้จริงกำลัง “แห้งตาย” ทีละตารางเมตร

Advertisement Banner 3

เศรษฐกิจสีเทาจึงไม่ใช่แค่ปัญหาทางการเงิน แต่มันคือ โรคเงียบของเมือง ที่กัดกร่อนความหมายของการพัฒนา คนรุ่นใหม่ที่อยากสร้างธุรกิจหรือเริ่มต้นชีวิตจึงต้องเจอกับราคาบ้านและที่ดินที่พุ่งสูงผิดจริง เพราะระบบถูกขับเคลื่อนโดยเงินที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อภาษีหรือตลาด

เมื่อทุกอย่างกลายเป็น “ทรัพย์เพื่อเก็บ” แทนที่จะเป็น “ทรัพย์เพื่อใช้”

ในที่สุด สังคมที่เต็มไปด้วยทรัพย์สินจากเงินเทา ก็จะกลายเป็นเหมือนตู้โชว์แห่งความหลอกลวง มีของดีอยู่เต็ม แต่ไม่มีใครกล้าหรืออยากแตะต้อง

เศรษฐกิจไม่เดินหน้า วงจรชีวิตในเมืองหยุดชะงัก และ “คนจริง” ที่อยากทำงานสุจริต กลับไม่มีที่ยืนในระบบ

ภาพประกอบบทความ: เมืองที่เติบโตบนความผิดบาป

บ้านเมืองใดที่ “รายได้ที่ผิด” ให้ผลตอบแทนดีกว่าความพยายามที่ถูกต้อง บ้านเมืองนั้นก็จะค่อย ๆ สูญเสียแรงบันดาลใจในการพัฒนาเองโดยไม่รู้ตัว

ถึงเวลาถามกลับสังคม

เราจะปล่อยให้เมืองของเรากลายเป็นเพียงที่ซ่อนเงิน หรือจะเรียก “คุณค่า” ของการสร้างกลับมา

เพราะเมื่อใดที่ทรัพย์สินไม่ถูกใช้สร้างคน แต่เอาไว้ซ่อนทุน เมื่อนั้นเมืองจะเริ่มร้างก่อนที่เราจะรู้ตัว

บทความโดย อธิภัทร ศิริแก้ว