สธ.แจงเลือดสำรองพอใช้ 1 สัปดาห์ หลังเหตุปะทะชายแดนไทย–เขมร
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2565 กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ออกมาแจ้งข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์หลังเกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งทำให้มีผู้บาดเจ็บและประชาชนจำนวนหนึ่งต้องอพยพมาอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว โดยทางกระทรวงยืนยันว่า “สถานการณ์เลือดยังอยู่ในเกณฑ์รับมือได้” มีเลือดสำรองพอใช้ต่อเนื่องไปได้ประมาณ 1 สัปดาห์ และกำลังขอความร่วมมือจากประชาชนมาบริจาคเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า หลังเหตุปะทะเกิดขึ้น หน่วยงานในสังกัดสาธารณสุขในพื้นที่ได้เร่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานความมั่นคง เพื่อรับมือทั้งในส่วนของผู้บาดเจ็บและกลุ่มผู้อพยพที่เข้ามาพักในฝั่งไทย โดยขณะนี้ได้มีการจัดทีมแพทย์ พยาบาล รถพยาบาลฉุกเฉิน และเวชภัณฑ์ต่าง ๆ ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องมีเลือดสำรองพอใช้ 1 สัปดาห์
ทางศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย รายงานว่า ขณะนี้ปริมาณเลือดสำรองโดยเฉพาะหมู่เลือด O และ A ที่มักใช้ในผู้บาดเจ็บ มีเพียงพอสำหรับการรักษาผู้ป่วยหนักในช่วง 7 วัน แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อหรือมีผู้บาดเจ็บมากขึ้น ก็อาจต้องระดมคนบริจาคเพิ่มเติม ซึ่งกระทรวงได้ประสานไปยังโรงพยาบาลทุกจังหวัดให้เตรียมพร้อมเปิดรับบริจาคโลหิตทั้งในเขตเมืองและชนบท เพื่อให้ส่งต่อไปยังพื้นที่ชายแดนได้โดยเร็วนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลใกล้พื้นที่ปะทะ เช่น โรงพยาบาลกันทรลักษ์ และโรงพยาบาลศรีสะเกษ ได้เตรียมพร้อมเต็มที่ ห้องผ่าตัดและห้องฉุกเฉินทำงาน 24 ชั่วโมง เพื่อดูแลผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ ส่วนผู้บาดเจ็บที่อาการหนักบางรายก็ถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลจังหวัดหรือโรงพยาบาลศูนย์ที่มีเครื่องมือครบกว่า ซึ่งตอนนี้ระบบการส่งต่อคนไข้ยังทำงานได้ตามปกติเข้มมาตรการสุขอนามัยในศูนย์พักพิง
สำหรับฝั่งศูนย์พักพิงของผู้อพยพจากพื้นที่ชายแดน ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมมือกับหน่วยงานทหารและป้องกันภัยทางพลเรือน ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวหลายจุด โดยมีมาตรการเข้มในการดูแลเรื่องสุขภาพและความสะอาด ภายในศูนย์จะมีจุดคัดกรองอุณหภูมิ จุดล้างมือ ห้องน้ำแบบชั่วคราว รวมถึงมีอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) มาช่วยให้ความรู้เรื่องการรักษาความสะอาด เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่กระจายโรค โดยเฉพาะโรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ได้เร่งฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณที่พักและห้องน้ำทุกวัน มีการแจกหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ และเวชภัณฑ์ที่จำเป็น สำหรับกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กเล็ก คนชรา หรือหญิงตั้งครรภ์ จะมีทีมแพทย์ดูแลเป็นพิเศษ พร้อมตรวจสุขภาพเป็นระยะ ๆ หากพบอาการผิดปกติจะถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสนามทันทีคัดกรองโรคและส่งเสริมสุขภาพจิต
บทความที่เกี่ยวข้องและแนะนำ:
- 🔥 ยอดนิยม: เรวัช ซัด ฮุนเซน อย่าปลุกชาติจนลุกเป็นไฟ
นอกจากนี้ กระทรวงยังให้ความสำคัญกับด้านสุขภาพจิตของผู้อพยพ โดยตั้งทีมให้คำปรึกษาและดูแลด้านจิตใจร่วมกับกรมสุขภาพจิต เนื่องจากหลายคนมีอาการเครียด กังวล หรือหวาดกลัวจากเหตุการณ์ยิงปะทะ ทีมงานจะเข้าไปพูดคุย สร้างขวัญกำลังใจ และช่วยให้ผู้ได้รับผลกระทบสามารถปรับตัวอยู่ในศูนย์พักพิงได้อย่างสงบขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ทำการคัดกรองโรคติดต่อ เช่น โรคโควิด-19 โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคทางเดินอาหารทุกวัน โดยมีแพทย์และเจ้าหน้าที่หมุนเวียนเข้าไปตรวจดูสภาพพื้นที่ พร้อมทั้งตรวจคัดกรองสัตว์เลี้ยงที่อพยพมาด้วย เพื่อป้องกันการแพร่ของโรคจากสัตว์สู่คนด้วยขอคนไทยช่วยบริจาคเลือดต่อเนื่อง
ด้านศูนย์บริการโลหิตฯ ย้ำว่า ถึงแม้ตอนนี้จะยังมีเลือดเพียงพอตามเกณฑ์ แต่ก็อยากให้ประชาชนร่วมบริจาคเลือดต่อเนื่อง เพราะสถานการณ์ชายแดนยังไม่แน่นอน การมีเลือดสำรองมาก ๆ ช่วยให้หมอสามารถช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บได้รวดเร็วโดยไม่ต้องรอ จึงฝากเชิญชวนผู้มีสุขภาพดีอายุตั้งแต่ 17-70 ปี ไปบริจาคเลือดที่สาขาของสภากาชาดทั่วประเทศ หรือที่โรงพยาบาลจังหวัดใกล้บ้านได้ทุกวันนพ.ชลน่าน กล่าวปิดท้ายว่า “แม้ตอนนี้สถานการณ์ยังไม่นิ่ง แต่หน่วยงานสาธารณสุขทุกแห่งพร้อมเต็มที่ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าเราจะดูแลผู้ได้รับผลกระทบทุกคนให้ดีที่สุด และขอขอบคุณทุกคนที่ออกมาช่วยเหลือกัน ทั้งการบริจาคโลหิต ส่งของให้ศูนย์พักพิง หรืออาสาเข้ามาเป็นจิตอาสา ถือเป็นแรงใจสำคัญที่ช่วยให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปได้”บรรยากาศในศูนย์พักพิงหลายแห่งวันนี้ยังเต็มไปด้วยความช่วยเหลือจากทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป มีการตั้งโรงครัวกลางทำอาหารแจกจ่ายให้ทุกคน มีการแจกชุดเครื่องนอน ผ้าห่ม และของใช้ที่จำเป็น ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารยังคงตรึงกำลังในพื้นที่ชายแดนและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ความปลอดภัยของประชาชนเป็นอันดับแรกทางด้านผู้อพยพบางส่วนเผยว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับการดูแลจากเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องอาหาร ที่พัก และการรักษาพยาบาล ถึงแม้จะยังกลัวเหตุยิงปะทะจะกลับมาอีก แต่ก็รู้สึกอุ่นใจที่มีคนไทยจำนวนมากออกมาช่วยเหลือ



